การดื่มน้ำที่ถูกต้อง ควรดื่มน้ำเวลาไหนบ้าง 

Total
0
Shares

“น้ำ” คือ ของเหลวที่มีความสำคัญต่อชีวิตมาก ๆ เพราะในเลือดของคนเรามีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก ๆ ถึง 92% ด้วยกัน หากร่างกายขาดน้ำ จะทำให้รู้สึกปากคอแห้ง เวียนหัว เครียดง่าย และอาจมีอาการหน้ามืด เป็นลมได้ เนื่องจากเลือดหนืดจนไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้สะดวก ยิ่งถ้าใครที่มีโรคประจำตัว จะยิ่งเร่งอาการให้แย่กว่าเดิม ดังนั้น เราจึงควรดื่มน้ำให้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ แต่รู้ไหมว่า ร่างกายของเราต้องดื่มน้ำวันละเท่าไรถึงจะเพียงพอ ควรดื่มน้ำเวลาไหนบ้าง และไม่ควรดื่มน้ำเวลาไหน แอดมินและทีมงานได้รวบรวมข้อมูลมาไว้ในบทความนี้แล้วค่ะ 

 

ดื่มน้ำเท่าไรจึงจะดี

หากไม่แน่ใจว่าเราต้องดื่มน้ำเท่าไรถึงจะพอ ให้ดื่มน้ำไม่น้อยกว่า 2000 CC / วัน คือ ปริมาณน้ำที่ดีต่อคนที่มีสุขภาพปกติ สำหรับคนที่ไม่ต้องควบคุมการดื่มน้ำ และ ผู้ที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคไต

เวลาไหนบ้างที่ควรดื่มน้ำ

  1. ดื่มน้ำหลังตื่นนอนทันที (1 แก้ว) 

หลังจากตื่นนอน ควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น 1 แก้วทันที เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียจากภาวะขาดน้ำตลอดคืน เนื่องจากสมองมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 75% เมื่อสมองได้รับน้ำอย่างเพียงพอ จะช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของสมอง รวมไปถึงระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายมีประสิทธิภาพ รู้สึกสดชื่น มีความกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่ง พร้อมทำกิจกรรมต่าง ๆ ในวันใหม่ได้อย่างสดใส ไม่มีอาการมึนงงหรือปวดศีรษะจากภาวะขาดน้ำ 

  1. ดื่มน้ำช่วงเช้า เวลา 08.00 น. (1 แก้ว)

ช่วง 08.00 น. ควรดื่มน้ำก่อนอาหารมื้อเช้า 1 ชั่วโมง ช่วยป้องกันอาการท้องอืดท้องเฟ้อหลังอาหาร แต่ถ้าใครที่ลดน้ำหนักด้วยการทำ IF หรือ Intermittent Fasting ควรงดมื้อเช้าแล้วรวบยอดไปทานมื้อกลางวันทีเดียว เพื่อให้ Ghrelin Hormone (ฮอร์โมนเกรลิน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความหิว จะหลั่งออกมาเพียงเล็กน้อย หากร่างกายได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว แต่กลับกัน หากระบบย่อยในร่างกายได้พักจากการรับอาหารบ้าง จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายได้เป็นอย่างดี ส่งผลดีต่อสุขภาพ ผิวพรรณอ่อนเยาว์ และดีต่อการลดน้ำหนักอีกด้วย 

  1. ดื่มน้ำช่วงสาย เวลา 09.00 – 10.00 น. (1 แก้ว)

ช่วงเวลา 09.00 – 10.00 น. คือ เวลาที่ร่างกายพร้อมต่อการทำงาน การดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ จะช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานของระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ทำให้ของเสียถูกขับออกจากร่างกายได้ดี รู้สึกโล่ง เบาสบาย เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย

  1. ดื่มน้ำช่วงบ่าย เวลา 13.00 – 16.00 น. ( 2 แก้ว)

การดื่มน้ำช่วงบ่าย ควรดื่มน้ำ 2 แก้ว แต่ไม่ต้องดื่มรวดเดียว เพราะจะทำให้ปัสสาวะบ่อยเกินไป ให้คอยจิบน้ำเป็นระยะ ๆ ช่วยดับความกระหาย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานในห้องปรับอากาศตลอดเวลา มีผลทำให้ผิวแห้งได้ 

  1. ดื่มน้ำช่วงเย็น เวลา 17.00 – 18.00 น. (1 แก้ว ก่อนอาหารมื้อเย็น) 

การดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนอาหารมื้อเย็น อย่างน้อย 1 ชั่วโมง จะช่วยป้องกันระบบย่อยอาหารไม่ให้ถูกน้ำรบกวน จนทำให้เกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อหลังมื้ออาหาร 

  1. ดื่มน้ำตอนกลางคืน เวลา 19.00 – 21.00 น. 

ช่วงกลางคืน ตั้งแต่เวล 19.00 เป็นต้นไป คือ ช่วงเวลาที่ระบบเลือดและระบบลำไส้ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนช่วงเวลากลางวัน จึงควรเน้นการจิบน้ำเป็นระยะ ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นกลไกการทำงานของระบบเลือดและลำไส้

  1. ดื่มน้ำก่อนนอน 1 แก้ว (ไม่เกิน 24.00 น.) 

การดื่มน้ำก่อนนอน เพื่อชะล้างสิ่งตกค้างภายในลำไส้ แต่ไม่ควรดื่มน้ำแล้วนอนทันที เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะกลางดึก จนรบกวนเวลานอน ส่งผลต่อระบบคุณภาพการนอนที่ดี นอนหลับไม่เต็มอิ่ม ทำให้มีอาการง่วง ซึม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่นตลอดวัน แต่ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน ประมาณ 1 ชั่วโมง ดีกว่า 

  1. ดื่มน้ำเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ 

โดยปกติในแต่ละวัน คนเรามักจะมีกิจกรรมให้ทำแตกต่างกันไป แต่สำหรับผู้ที่ต้องใช้การออกแรงเยอะ หรือมักจะทำกิจกรรมท่ามกลางแสงแดด ย่อมทำให้เสียเหงื่อเยอะด้วยเช่นกัน เช่น การทำงานกลางแจ้ง อาชีพก่อสร้าง นักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกาย กิจกรรมเหล่านี้ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ จึงควรดื่มน้ำด้วยการจิบน้ำบ่อย ๆ ทั้งในช่วงระหว่างทำงาน จิบน้ำระหว่างออกกำลังกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ลดความเสี่ยงการเกิดอาการเวียนศีรษะ หรือหน้ามืด เป็นลม และยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีประสิทธิภาพในการทำงานรหรือออกกำลังได้มากขึ้น แต่ไม่ควรดื่มน้ำหมดแก้วภายในครั้งเดียว เพราะอาจทำให้เกิดอาการสำลักน้ำ หรือมีอาการจุดเสียดขณะออกกำลังกายได้ 

You May Also Like

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้างดน้ำตาล 14 วัน

โดยปกติร่างกายต้องการน้ำตาลเพียง 24 กรัม / วัน เท่านั้น หรือประมาณ 4-6 ช้อนชา (เทียบเท่าน้ำผลไม้ประมาณ 200 มิลลิลิตร) แต่ถ้าได้รับปริมาณที่มากไป จะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนอินซูลินลดลง น้ำตาลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท  น้ำตาลธรรมชาติ ที่ได้จากผัก ผลไม้ต่างๆ (ฟรุกโตส) และน้ำตาลในนม (แล็กโทส) น้ำตาลสังเคราะห์ หรือน้ำตาลที่ปรุงแต่ง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม…
View Post

ภูเขาไฟในไทยจะมีโอกาสปะทุซ้ำหรือไม่ 

จากการเกิดภัยธรรมชาติภูเขาไฟระเบิดของภูเขาไฟตองกา เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 ส่งผลให้เกิดควันภูเขาไฟและเถ้าถ่านที่เป็นมลพิษทางอากาศ พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าไปไกลได้ถึงประมาณ 20 กิโลเมตร และเกิดคลื่นสึนามิสูงถึง 15 เมตร ซัดเข้าชายฝั่งของเกาะแมงโก้ ทำให้หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะหายไปแทบทั้งหมู่บ้าน เหตุภูเขาไฟระเบิดผลกระทบที่เกิดขึ้นรุนแรงจนทั้งเกาะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปช่วงระยะหนึ่ง และอีกหลายประเทศที่ชายฝั่งติดมหาสมุทรแปซิฟิกได้รับความเสียหายรุนแรงจากภูเขาไฟปะทุลูกนี้ แม้ว่าประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบ เพราะจุดภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิดอยู่ห่างจากชายฝั่งของไทยไปประมาณ 9,500 กิโลเมตร แต่ก็ต้องมีการจับตามองและเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด  ข่าวการเกิดภูเขาไฟหลายแห่งที่ยังคุกรุ่นอยู่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาไฟที่ตั้งอยู่บนเทือกเขารอบมหาสมุทรแปซิฟิก หรือ “วงแหวนแห่งไฟ” ที่หลายๆคนรู้จักกันดี ซึ่งมากกว่าร้อยละ 75% ของภูเขาไฟทั้งหมดบนโลก…
View Post

ชุดปฐมพยาบาล เครื่องมือประจำบ้านและการเดินทาง

เพราะการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะเกิดเมื่อไร ดังนั้นการมีชุดปฐมพยาบาลไว้ประจำบ้านและในทุกๆการเดินทาง ไว้สำหรับปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินดังกล่าวได้อย่างทันท่วงที จึงจำเป็นที่ควรจะมีไว้อย่างยิ่ง บทความนี้เราจะมารู้ถึงอุปกรณ์และยาที่ควรมีไว้เป็นชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้สักหน่อย แต่ก่อนอื่นเราควรรู้ก่อนว่าการดูแลผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยเบื้องต้น จะมี 2F ที่เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ นั่นก็คือ  1.First aid คือ วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น การช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างทันที ด้วยความรู้ที่มี และอุปกรณ์ที่หาได้ เพื่อลดความรุนแรงของอาการบาดเจ็บ ช่วยลดความพิการและให้กลับฟื้นคืนสภาพโดยเร็ว หรือความเจ็บป่วยที่เกิดกระทันหัน ประคับประคองอาการของผู้ป่วยจนกว่าจะได้รับการรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์ 2.First aid kit คือ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล ที่เป็นเครื่องมือจำเป็นไว้รักษาเบื้องต้นกับผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ ก่อนจะทำการรักษาทางการแพทย์ ซึ่งเราจะเรียกกันง่ายๆว่า…
View Post

รวมอาหารพื้นเมืองภาคเหนือ สไตล์ล้านนา ลำแต้ๆ

เมนูอาหารภาคเหนือ ที่ใครๆหลายคนชื่นชอบ บางคนอาจคุ้นเคยชื่อเพียงไม่กี่อย่าง แต่ที่จริงแล้ว ยังมีอาหารภาคเหนืออีกหลายเมนูที่น่าลิ้มลอง และอร่อยไม่แพ้อาหารภาคอื่นๆ บทความนี้ได้รวบรวมรายการอาหารท้องถิ่นภาคเหนือ ทั้งที่อาจเคยได้ยิน และไม่เคยได้ยินมาก่อน ให้ทุกคนได้รู้จักและลองไปหาชิมกัน จะได้รู้ว่าอาหารล้านนานั้น ลำขนาด!!  แอ๊บหมู อาหารเหนือท้องถิ่นแต้ๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยได้ยิน แอ๊บหมู คืออาหารที่นำเนื้อหมูสดผสมกับไข่ไก่ ซึ่งจะต่างจากแอ๊บอาหารเหนือชนิดอื่นๆ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุง แล้วห่อด้วยใบตอง จากนั้นนำไปทำให้สุกด้วยการย่างไฟ โดยการใช้ไฟอ่อนๆ จนข้างในสุก และมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน จอผักกาด แกงผักกาดเหนือ หรือ จอผักกาด อาหารพื้นบ้านล้านนา ใช้ผักกาดกวางตุ้งที่กำลังออกดอก…
View Post

ความหมายของแผงสวิตช์คืออะไร

แผงสวิตช์บอร์ด ที่เรามักจะเห็นได้ตามอาคาร ที่พักอาศัยระบบนิติบุคคล ตึกอาคารสูงๆ ห้างสรรพสินค้า หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นกิจการ หรือรูปแบบอาคารใด ก็ต้องมีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วรู้ไหมว่า “แผงสวิตช์” หรือ Switchboard panel ส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้านี้ ทำหน้าที่อะไร และภายในตู้หน้าตาเรียบ ๆ นี้ มีส่วนประกอบอะไรข้างในบ้างนะ
View Post

มิจฉาวณิชชา 5 อาชีพที่พระพุทธเจ้าห้าม ทำแล้วสร้างบาปติดตัว 

รู้ไหมว่า 5 อาชีพใดที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามประกอบเลี้ยงชีพ เพราะจะเป็นการก่อบาปสร้างเวรติดตัว โดยอาชีพต้องห้ามนี้ ทางพุทธศาสนาเรียกว่า มิจฉาวณิชชา คือ อาชีพ 5 อย่าง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้าม ได้แก่  มังสวณิชชา คือ อาชีพค้าสัตว์เพื่อนำไปฆ่า เช่น เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา หรือเลี้ยงโค กระบือ เพื่อขายหรือส่งต่อไปยังโรงฆ่าสัตว์ เป็นการส่งเสริมให้ผิดศีลข้อ 1 คือ ปาณาติบาติฯ การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม้ว่าตามหลักศาสนาพุทธเชื่อว่าสัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม…
View Post