5 หลักการคิดบวกให้ชีวิตมีความสุข ต้อนรับวันความสุขสากล 

Total
0
Shares

วันนี้ เรามายิ้มและหัวเราะกว้าง ๆ กันเถอะ เพื่อต้อนรับวันความสุขสากล    สหประชาชาติ ได้กำหนดให้ วันแห่งความสุข ภาษาอังกฤษ International Day of Happiness คือ วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี อันเนื่องมาจากมติการประชุมในวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 เพื่อมุ่งหวังให้แต่ละประเทศได้พัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี 

โดยวันความสุขสากล มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศภูฏาน ประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก โดยติดอันดับ 1 จากการชี้วัดดัชนีมวลความสุขทางจิตใจของประชาชน หรือเรียกว่า GNH (Gross National Happiness Index โดยการวัดค่าดัชนีนี้ไม่ได้เน้นความสุขจากความเจริญของวัตถุหรือเศรษฐกิจของบ้านเมือง แต่เป็นค่าวัดจากความสุขด้านจิตใจของประชากรในประเทศ 

 

จุดประสงค์การจัดตั้งวันความสุขสากล

การจัดตั้งวันความสุขสากลขึ้นเพื่อให้ประชากรทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสุขอันเป็นเป้าหมายพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องการในชีวิต เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและผลักดันให้ทุกคนได้มุ่งเป้าไปสู่การพัฒนาในทุกด้าน เพื่อให้เกิดความเสมอภาค และมีความสมดุลกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สภาพสังคม และสิ่งแวดล้อม ให้เจริญเติบโตและเป็นไปในแนวทางที่อยู่บนพื้นฐานความสุขที่มนุษย์ทุกคนพึงมีและพึงได้ เช่น อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค และปัจจัยที่จำเป็นต้องการดำรงชีวิต รวมถึงคุณภาพชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดี และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อความสุขของทุกคน 

 

ถ้าเราลองมองดูตามสังคมโลกหรือแม้แต่ในสังคมไทยบ้านเราเอง คนส่วนใหญ่มักจะคาดหวังความสุขของตนเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมรอบตัว สังคมดีชีวิตจึงมีความสุข มีผู้ให้เราจึงมีความสุข ทำให้มีแต่ความคาดหวังในตัวบุคคลอื่น คาดหวังในรัฐบาล คาดหวังกับสังคม และเมื่อไม่ได้ดั่งใจที่คิด ทำให้ทุกข์เพราะผิดหวัง และโทษแต่สิ่งอื่นว่าเป็นสาเหตุทำให้ตนไม่มีความสุข แต่เราลืมนึกไปว่า เราสามารถมีความสุขด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ จากการเริ่มมุมมองและปรับพฤติกรรมของตนเอง ด้วย 5 เคล็ดลับใช้ชีวิตให้มีความสุข 

  1. เลือกมองอะไรในมุมกว้าง  

เลือกที่จะมองภาพรวมที่เป็นภาพใหญ่ อย่ามัวแต่ไปโฟกัสกับรอยด่างจุดเล็ก ๆ จนทำให้ยึดติดและให้ค่ากับจุดเล็กน้อย ที่อาจน้อยมากเพียงแค่ 0.01% ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนมองข้ามสิ่งดี ๆ ที่มีมากกว่านั้นถึง 99.99% ที่มี ทำให้แทนที่จะมีความสุข แต่กลับต้องเป็นทุกข์เพียงเพราะเรื่องเล็ก ๆ แล้วชีวิตนี้จะมีความสุขได้อย่างไร 

  1. ชีวิตของเรานั้นสั้น อย่าลังเลที่จะทำในสิ่งที่ต้องการ 

ลงมือทำในสิ่งที่รักหรือชอบอย่างไร้ข้ออ้าง เพราะการได้ทำในสิ่งที่รัก ทำแล้วมีความสุข ย่อมส่งให้ผลงานในสิ่งที่ทำนั้นออกมาดี เพราะทำด้วยความเชื่อมั่น ความสนุกและตั้งใจ หากค้นพบในสิ่งที่ชอบแล้วให้ลงมือทำทันที อย่าลังเลหรือหาข้ออ้างใด ๆ เพื่อผลัดไปเรื่อย ๆ เพราะชีวิตคนเราไม่ได้ยืนยาวนัก และไม่มีใครล่วงรู้อนาคตว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลายครั้งที่คนเรามักจะเอ่ยว่า “ถ้ารู้อย่างนี้ … ถ้าย้อนเวลากลับไปได้” ซึ่งทุกคนรู้ว่ามันไม่สามารถทำได้ ดังนั้น ลงมือทำแล้วผิดพลาด ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ทำ อย่างถ้าเบื่องานที่ทำ อยากมีอิสระในการทำงาน ต้องรู้จักวางแผนออมเงินเพื่อเตรียมพร้อมในการลงทุน ฝึกฝนเรียนรู้ และหาช่องทางพัฒนาฝีมือตนเอง เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับตนเองมากขึ้น และทำในสิ่งที่ตนอยากทำได้อย่างมีคุณภาพ และทำอย่างมีความสุข 

  1. ปล่อยวางได้ ใจเป็นสุข 

ดั่งคำพระท่านสอนเสมอว่า แค่ปล่อยก็เบา เพราะอะไรที่เราไปยึดไปถือ มันหนัก และทำให้เป็นทุกข์ เหมือนเราแบกก้อนหิน กับ ไม่ได้ถือแบกอะไรเลย ความโล่งสบายย่อมต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และโดยธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนสามารถมีผิดมีพลาดกันได้ ไม่มีใครไม่เคยล้มเหลว ไม่มีใครไม่เคยทุกข์ เพราะคนที่ไม่เคยพลาด คือ คนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย ดังนั้น เมื่อล้มลงจากสิ่งใด ให้รีบลุกให้เร็วที่สุด สามารถทุกข์ได้ เสียใจได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องลุกและก้าวต่อไปให้เร็วที่สุด เพราะการจมอยู่กับที่ คือ การนำชีวิตให้อยู่กับความล้มเหลวที่ไม่มีวันสำเร็จอีกเลย คิดเสียว่า เมื่อวันนี้มีพายุและฝนตกใส่เราจนเปียกปอน เดี๋ยวฝนก็หยุด แล้วตัวเราก็จะแห้ง และได้เห็นรุ้งกินน้ำสวย ๆ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จึงไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ทุกข์ได้ ก็สุขได้ และเมื่อสุขได้ ทุกข์ก็มาเยือนได้เช่นกัน แค่รู้จักหาวิธีรับมือกับมันไว้เสียเนิ่น ๆ ความทุกข์ก็น้อยลง 

  1. หัดเกรงใจคนให้น้อยลง กล้าปฏิเสธคนให้มากขึ้น

อย่าได้รับปากช่วยเหลือใครต่อใครไปหมด เพราะหากได้รับปากไปแล้วเป็นการผูกมัดตนเองต้องให้ทำตามนั้น แม้ว่าจะลำบากใจเพราะต้องพยายามทำตามคำพูดจนตัวเองลำบาก หรือทำไม่ได้ก็เกิดเป็นทุกข์ ให้คิดว่าเราไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะสามารถดูแลและแคร์ได้ทุกคน เราเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา ช่วยเท่าที่ควรช่วยด้วยมิตรน้ำใจ เลือกแคร์คนที่ให้ค่าและแคร์เราเช่นกัน เพราะใช่ว่าทุกคนจะสนใจหรือแคร์ว่าคุณจะทำอะไร หรือให้อะไรดี ๆ แก่พวกเขา และเมื่อไรที่เขาไม่ได้จากคุณ เพราะเขาได้จนเคยชิน นอกจากจะไม่เห็นค่าคุณแล้ว อาจพูดหรือกระทำไม่ดีต่อคุณ มันยิ่งทำให้คุณเป็นทุกข์ ฉะนั้น จงดีกับคนที่ควรดีด้วย เห็นค่าในตัวเองให้มากกว่าการคาดหวังให้คนอื่นเห็นค่าในตัวเรา แล้วจะมีความสุขมากขึ้น เพราะความทุกข์มันน้อยลง 

  1. มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงการเป็นคนมองแบบอคติ 

เพราะความคิดคือตัวกำหนดความสุข สังเกตง่าย ๆ เมื่อไรที่เราคิดดี คิดแต่ในสิ่งที่ดี เรารู้สึกใจเบาสบาย แต่เมื่อไรที่เราคิดในแง่ร้าย มองอะไรในแง่ลบ เราจะรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบอารมณ์ โกรธ ไม่พอใจ หัวหนัก ๆ คิ้วขมวด หน้าย่น ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ดังนั้น หากต้องการมีความสุขให้มากขึ้น ต้องหมั่นฝึกควบคุมความคิด เลือกที่จะมองในแง่บวก อย่าให้อคติมาปิดกั้น จนอาจพลาดโอกาสดี ๆ ไปจากชีวิตได้ เช่น การมองปัญหาที่เผชิญตรงหน้าหลาย ๆ มุม อย่าไปกังวลกับมันเต็ม 100% ให้ลองมองแง่ดีของมัน เพราะการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เริ่มต้นจากการมองหาข้อดีหรือมุมที่จะใช้เป็นประโยชน์จากสถานการณ์ตรงหน้าได้ เมื่อความทุกข์น้อยลง ความสุขก็เพิ่มขึ้น 

 

ความสุขของคนเราล้วนแต่เริ่มต้นจากตนเองด้วยกันทุกคน เพียงแต่ใครจะคิดและปฏิบัติให้ได้ ทำได้มาก ความสุขก็มีมากกว่าคนที่คิดได้แต่ไม่ทำ และมากกว่าคนที่มัวแต่คาดหวังจะได้ความสุขจากผู้อื่นทำให้ ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเกิดขึ้น ซึ่งที่จริงแล้ว ความสุขอยู่ที่เราเป็นผู้กำหนด เมื่อทุกคนมีความสุข ย่อมส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในสังคมให้พัฒนาได้อย่างยั่งยืนบนพื้นฐานความสุขของมนุษย์ทุกคนที่พึงมี 

You May Also Like

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้างดน้ำตาล 14 วัน

โดยปกติร่างกายต้องการน้ำตาลเพียง 24 กรัม / วัน เท่านั้น หรือประมาณ 4-6 ช้อนชา (เทียบเท่าน้ำผลไม้ประมาณ 200 มิลลิลิตร) แต่ถ้าได้รับปริมาณที่มากไป จะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนอินซูลินลดลง น้ำตาลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท  น้ำตาลธรรมชาติ ที่ได้จากผัก ผลไม้ต่างๆ (ฟรุกโตส) และน้ำตาลในนม (แล็กโทส) น้ำตาลสังเคราะห์ หรือน้ำตาลที่ปรุงแต่ง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม…
View Post

ความหมายของแผงสวิตช์คืออะไร

แผงสวิตช์บอร์ด ที่เรามักจะเห็นได้ตามอาคาร ที่พักอาศัยระบบนิติบุคคล ตึกอาคารสูงๆ ห้างสรรพสินค้า หรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นกิจการ หรือรูปแบบอาคารใด ก็ต้องมีระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วรู้ไหมว่า “แผงสวิตช์” หรือ Switchboard panel ส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้านี้ ทำหน้าที่อะไร และภายในตู้หน้าตาเรียบ ๆ นี้ มีส่วนประกอบอะไรข้างในบ้างนะ
View Post

มีเงินใช้ไม่ขัดสนด้วยวิธีการเก็บเงินตามทฤษฎี 6 Jars

Six Jars Money Management หรือการเก็บเงิน 6 กระปุก เป็นวิธีจัดการการเงิน แบ่งออกเป็น 6 ส่วน โดยการบริหารเงิน คือ การวางแผนการจัดระเบียบ และควบคุมระบบการเงิน ให้ตรงกับกิจกรรมในแต่ละส่วน เช่น กลุ่มเงินสำหรับการลงทุน กลุ่มเงินสำหรับค่าใช้จ่าย กลุ่มเงินสำหรับเก็บออม เป็นต้น ซึ่ง 6 Jars System เป็นหนึ่งในการบริหารเงินเก็บที่คิดค้นโดย T. Harv Eker นักคิดด้านการเงินการลงทุน…
View Post

บูชาท้าวเวสสุวรรณ ข้อห้ามมีอะไรบ้าง อย่าหาทำ ถ้าอยากขอพรสัมฤทธิ์ผล 

กระแสการบูชาท้าวเวสสุวรรณยังคงได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน โดยเฉพาะสายมูที่พลาดไม่ได้เช่นกัน แต่การบูชาท้าวเวสสุวรรณก็มีข้อห้ามเช่นกันนะ หากผู้บูชาท่านเผลอไปทำสิ่งเหล่านี้ อาจไม่เป็นที่ถูกใจองค์เวสสุวรรณ ขอเรื่องอะไรอาจไม่ได้ดั่งหวัง เพราะท่านไม่ปลื้มที่จะให้พรเสียแล้ว ดังนัันใครต้องการจะมู บูชาท้าวเวสสุวรรณให้สัมฤทธิ์ผล จะต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจ มีข้อห้ามอะไรบ้าง และอย่าไปทำผิดเชียวนา เพราะเราเตือนคุณแล้ว  วิธีบูชาท้าวเวสสุวรรณให้ได้ผลจะต้องไม่ทำ 5 ข้อห้ามต่อไปนี้   ห้ามผิดศีล 5  ข้อห้ามข้อแรกที่ผู้บูชาท้าวเวสสุวรรณจะต้องยึดถือเคร่งครัด คือ ห้ามผิดศีล 5 ข้อ เด็ดขาด ได้แก่ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มของมึนเมา…
View Post

รู้จักไซโคพาธ โรคขาดความสำนึกผิด

ไซโคพาธ (Psychopaths) โรคขาดความสำนึกผิด เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มุ่งเน้นแต่เป้าหมายของตนเอง และทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น โดยไม่สนแม้จะต้องทำร้ายใคร หรือจะมีผลกระทบกับใครบ้าง Psychopaths หรือ ไซโคพาธ แปลว่า คนโรคจิต  และถ้าจะให้ความหมายคำว่า โรคจิต แปลว่า โรคทางจิตใจที่มีความผิดปกติของความรู้สึก ความคิด อารมณ์ หรือโรคจิตพฤติกรรมรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมสติได้ (ความหมายจาก พจนานุกรมไทยราชบัณฑิตยสถาน ) เช่น ประสาทหลอน วิกลจริต หลงผิด (โรคจิต ภาษาอังกฤษ psychosis…
View Post
กลยุทธ์การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ

ในแต่ละวันของคนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ (Effective Time Management) ได้สูงสุดนั้นต่างกัน ขึ้นอยู่กับทักษะการบริหารเวลาของแต่ละบุคคล และไม่ได้หมายความว่าทำงานได้มาก แต่การบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ การได้ทำสิ่งสำคัญได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ในวันนั้น ๆ โดยอาจมุ่งเป้าไล่ตามลำดับความสำคัญ และสามารถทำได้ครบถ้วนตามที่ตั้งไว้ทุกประการ โดยไม่รบกวนเวลาชีวิตในด้านอื่น ๆ แต่สามารถที่จะจัดการระเบียบชีวิตเพื่อสร้าง Worf Life Balance ได้อย่างเหมาะสม ไม่สร้างความเครียดหรือเพิ่มแรงกดดันให้กับชีวิต แต่จะทำอย่างไรที่จะช่วยบริหารจัดการเวลาให้ดียิ่งขึ้น เราได้รวมเทคนิคการพัฒนาตนเอง การบริหารเวลาเพื่อให้ชีวิตมีความสมดุลและมีความสุขในชีวิตมากขึ้น โดยสามารถทำตามได้ไม่ยากไว้ในบทความนี้แล้ว  เทคนิคการบริหารเวลา (Time…
View Post