หากคุณเพิ่งเริ่มสนใจบาสเกตบอล คงเคยได้ยินชื่อ “NBA” ผ่านหูมาบ้าง ไม่ว่าจะจากข่าวกีฬา คลิปไฮไลต์ หรือชื่อของนักบาสระดับโลกอย่าง LeBron James หรือ Stephen Curry แต่รู้หรือไม่ว่า NBA คืออะไร? ทำไมถึงถูกยกให้เป็นลีกบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานของ NBA วิธีการแข่งขัน จำนวนทีม ไปจนถึงระบบลีกทั้งหมด เพื่อให้คุณดูเกมแรกของชีวิตได้อย่างรู้เรื่องและสนุกยิ่งขึ้น
NBA คืออะไร? พื้นฐานที่ควรรู้ก่อนเริ่มดู
สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มสนใจบาสเกตบอล หนึ่งในชื่อที่ได้ยินบ่อยที่สุดคือ “NBA” หรือ National Basketball Association ซึ่งถือเป็นลีกบาสเกตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพนักกีฬา มาตรฐานการแข่งขัน ความบันเทิง รวมถึงอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ขยายไปทั่วโลก การรู้จักพื้นฐานของ NBA จะช่วยให้การรับชมสนุกขึ้น เข้าใจเกมมากขึ้น และติดตามทีมโปรดได้อย่างมีอรรถรส
จุดเริ่มต้นของ NBA
NBA ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1946 ในนาม “Basketball Association of America (BAA)” ก่อนจะรวมกับอีกลีกหนึ่งชื่อ “National Basketball League (NBL)” ในปี 1949 และเปลี่ยนชื่อเป็น “National Basketball Association” หรือที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
ในช่วงแรก NBA ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักจนกระทั่งยุค 1980s เมื่อซูเปอร์สตาร์อย่าง Magic Johnson, Larry Bird, และต่อมาคือ Michael Jordan เข้ามายกระดับทั้งเกมการแข่งขันและการตลาด ทำให้ NBA กลายเป็นลีกบาสระดับโลกอย่างแท้จริง
ปัจจุบัน NBA เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่มีฐานแฟนคลับทั่วโลก ถ่ายทอดสดไปกว่า 200 ประเทศ และมีนักกีฬาจากหลากหลายเชื้อชาติร่วมแข่งขัน
โครงสร้างของลีก NBA
NBA แบ่งออกเป็น 2 คอนเฟอเรนซ์ (Conferences) ได้แก่
-
Eastern Conference (ฝั่งตะวันออก)
-
Western Conference (ฝั่งตะวันตก)
แต่ละคอนเฟอเรนซ์แบ่งออกเป็น 3 ดิวิชัน (Division) รวมทั้งหมดเป็น 6 ดิวิชันทั่วลีก
Eastern Conference
-
Atlantic Division
- Boston Celtics
- Brooklyn Nets
- New York Knicks
- Philadelphia 76ers
- Toronto Raptors
- Boston Celtics
-
Central Division
- Chicago Bulls
- Cleveland Cavaliers
- Detroit Pistons
- Indiana Pacers
- Milwaukee Bucks
- Chicago Bulls
-
Southeast Division
- Atlanta Hawks
- Charlotte Hornets
- Miami Heat
- Orlando Magic
- Washington Wizards
- Atlanta Hawks
Western Conference
-
Northwest Division
- Denver Nuggets
- Minnesota Timberwolves
- Oklahoma City Thunder
- Portland Trail Blazers
- Utah Jazz
- Denver Nuggets
-
Pacific Division
- Golden State Warriors
- Los Angeles Clippers
- Los Angeles Lakers
- Phoenix Suns
- Sacramento Kings
- Golden State Warriors
-
Southwest Division
- Dallas Mavericks
- Houston Rockets
- Memphis Grizzlies
- New Orleans Pelicans
- San Antonio Spurs
- Dallas Mavericks
รวมทั้งหมดแล้ว NBA มีทั้งหมด 30 ทีม
NBA แข่งทั้งหมดกี่เกม?

ในแต่ละฤดูกาลของ NBA จะมีโครงสร้างการแข่งขันที่ชัดเจนและยาวนานกว่าลีกกีฬาส่วนใหญ่ โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ได้แก่
-
Preseason (ช่วงอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล)
- จัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคม
- ทีมจะทดลองแผนการเล่นและให้โอกาสผู้เล่นใหม่
- จัดขึ้นประมาณเดือนตุลาคม
-
Regular Season (ฤดูกาลปกติ)
- เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนเมษายน
- แต่ละทีมจะลงแข่งขันทั้งหมด 82 เกม
- 41 เกมในบ้าน (Home games)
- 41 เกมนอกบ้าน (Away games)
- 41 เกมในบ้าน (Home games)
- การจัดตารางจะพยายามให้ทุกทีมได้พบกันครบตามสมดุลของคอนเฟอเรนซ์
- เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนเมษายน
-
Playoffs (รอบเพลย์ออฟ)
- เริ่มหลังจากจบฤดูกาลปกติประมาณกลางเดือนเมษายน
- ทีมที่มีอันดับดีที่สุด 8 ทีมในแต่ละคอนเฟอเรนซ์ (รวม 16 ทีม) จะได้เข้าสู่รอบเพลย์ออฟ
- ตั้งแต่ปี 2021 มีการเพิ่ม Play-In Tournament ซึ่งให้ทีมอันดับ 7–10 แข่งขันกันเพื่อชิงตั๋วเพลย์ออฟอีก 2 ที่ในแต่ละคอนเฟอเรนซ์
- รอบเพลย์ออฟจะเล่นแบบ Best-of-7 series (ชนะ 4 เกมก่อนจึงผ่านเข้าสู่รอบต่อไป)
- ทีมสุดท้ายที่เหลือจากฝั่งตะวันออกและตะวันตกจะเจอกันในรอบสุดท้ายหรือ NBA Finals เพื่อชิงแชมป์
- เริ่มหลังจากจบฤดูกาลปกติประมาณกลางเดือนเมษายน
สรุปแล้ว ถ้าทีมหนึ่งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ พวกเขาอาจลงเล่นรวมมากกว่า 100 เกมต่อฤดูกาล ซึ่งถือว่าหนักและท้าทายมาก
ระบบการแข่งขันและการจัดอันดับ
ในฤดูกาลปกติ การจัดอันดับจะขึ้นอยู่กับจำนวน “ชัยชนะ (Wins)” ที่แต่ละทีมสะสมได้ เมื่อจบ 82 เกม ทีมที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะสูงสุดในแต่ละคอนเฟอเรนซ์จะได้เป็น อันดับ 1 ของคอนเฟอเรนซ์นั้น
แต่ละทีมยังมีเป้าหมายย่อยอีก เช่น
- การเป็น Division Champion (แชมป์กลุ่ม)
- การได้เปรียบสนามเหย้า (Home-court advantage) ในรอบเพลย์ออฟ
- การลุ้นรางวัลส่วนบุคคล เช่น MVP (Most Valuable Player), Rookie of the Year, Defensive Player of the Year เป็นต้น
NBA มีกี่ลีก?
หลายคนอาจไม่รู้ว่า “NBA” ไม่ได้มีเพียงลีกเดียวที่อยู่ในระบบการแข่งขันของตนเอง แต่ยังมีลีกย่อยและลีกคู่ขนานที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ได้แก่
NBA (ลีกหลัก)
- ลีกระดับสูงสุดของโลก (NBA)
- รวมสุดยอดนักบาสจากทั่วทุกมุมโลก
NBA G League (หรือ NBA Development League)
- เป็นลีกพัฒนา (Development League) ของ NBA
- ทำหน้าที่คล้าย “ทีมสำรอง” หรือ “ทีมฟาร์ม” ของแต่ละทีมในลีกหลัก
- ใช้สำหรับฝึกซ้อม พัฒนาผู้เล่นดาวรุ่ง หรือผู้เล่นที่ยังไม่พร้อมสำหรับลีกใหญ่
- บางครั้งทีมใน NBA จะส่งผู้เล่นจากทีมหลักลงไปเล่นที่ G League เพื่อเรียกความฟิต
WNBA (Women’s National Basketball Association)
- ลีกบาสเกตบอลหญิงของสหรัฐฯ (WNBA)
- แม้จะเป็นองค์กรแยกต่างหาก แต่ NBA เป็นผู้สนับสนุนหลัก
- ก่อตั้งในปี 1996 และเติบโตอย่างต่อเนื่อง
NBA Summer League
- เป็นการแข่งขันช่วงปิดฤดูกาล (กรกฎาคม)
- ใช้สำหรับให้ผู้เล่นใหม่จากการดราฟต์ (Draft) ได้โชว์ฝีมือ
- ยังเป็นโอกาสให้นักบาสที่ไม่มีสัญญาได้พิสูจน์ตัวเอง
ดังนั้น เมื่อพูดถึง “ลีกของ NBA” โดยรวมแล้วจะหมายถึงระบบการแข่งขันที่ครอบคลุมทั้งลีกหลักและลีกพัฒนา ซึ่งเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ
เงินเดือนและระบบเพดานค่าเหนื่อย (Salary Cap)
หนึ่งในจุดเด่นของ NBA คือระบบ Salary Cap หรือ “เพดานค่าเหนื่อย” ซึ่งเป็นกติกาที่กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่แต่ละทีมสามารถใช้จ่ายให้กับผู้เล่นในแต่ละฤดูกาล
- จุดประสงค์ของระบบนี้คือเพื่อรักษาความสมดุลของลีก ไม่ให้ทีมใหญ่ที่มีเงินมากเกินไปผูกขาดความเก่ง
- อย่างไรก็ตาม NBA ก็มีระบบยืดหยุ่น เช่น Luxury Tax ที่อนุญาตให้ทีมใช้เงินเกินเพดานได้ แต่ต้องจ่ายภาษีเพิ่มเติม
ผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์ เช่น LeBron James, Stephen Curry, หรือ Giannis Antetokounmpo มีรายได้จากสัญญาหลักและสปอนเซอร์รวมกันหลายร้อยล้านดอลลาร์
ดราฟต์ (NBA Draft) คืออะไร?

หนึ่งในระบบที่ทำให้ NBA แตกต่างจากลีกอื่นคือ NBA Draft
- จัดขึ้นทุกปีในเดือนมิถุนายน
- ทีมที่มีผลงานแย่ที่สุดในฤดูกาลก่อนจะมีโอกาสเลือกผู้เล่นดาวรุ่งจากมหาวิทยาลัยหรือจากต่างประเทศก่อน
- ระบบนี้ช่วยให้ทีมอ่อนมีโอกาสพัฒนาเร็วขึ้น และทำให้ลีกมีความสมดุลมากขึ้น
นอกจากนี้ NBA ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนทั่วโลก โดยเฉพาะ เด็ก ที่ฝันอยากเป็นนักบาสมืออาชีพ การเล่นกีฬาไม่เพียงช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความมั่นใจ แต่ยังดีต่อสุขภาพหัวใจอีกด้วย เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงของ โรคหัวใจ และช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทั้งนี้นักกีฬามืออาชีพใน NBA ยังให้ความสำคัญกับ การดื่มน้ำ อย่างเหมาะสมเพื่อรักษาสมดุลของร่างกายและป้องกันการบาดเจ็บในระหว่างการแข่งขัน
ทำไม NBA ถึงได้รับความนิยมทั่วโลก?
- คุณภาพการแข่งขันสูงสุด — NBA รวมสุดยอดนักบาสจากทั่วโลก เช่น Luka Dončić (สโลวีเนีย), Nikola Jokić (เซอร์เบีย), Giannis Antetokounmpo (กรีซ)
- ความบันเทิงรอบด้าน — การแสดงระหว่างพัก, เพลง, การตลาด และสไตล์การเล่นที่เร้าใจ
- สื่อและเทคโนโลยี — NBA เป็นลีกแรก ๆ ที่ปรับตัวกับโลกออนไลน์ เช่น การถ่ายทอดสดผ่านแอป NBA League Pass
- แรงบันดาลใจด้านวัฒนธรรม — เสื้อ NBA, รองเท้าบาส, และแฟชั่นของนักกีฬาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป็อป
สรุป: สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มดู NBA
- NBA คือ ลีกบาสเกตบอลระดับสูงสุดของโลก ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1946
- มีทั้งหมด 30 ทีม แบ่งเป็น 2 คอนเฟอเรนซ์
- ฤดูกาลปกติแต่ละทีมแข่ง 82 เกม
- มีระบบเพลย์ออฟเพื่อหาทีมแชมป์ประจำปี
- ยังมีลีกพัฒนาอย่าง G League และลีกหญิง WNBA
- จุดเด่นคือความเท่าเทียม การพัฒนาเยาวชน และการสร้างวัฒนธรรมกีฬาที่ทั่วโลกให้ความสนใจ