โลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว เจริญไปด้วยวัตถุและเทคโนโลยี แต่ความเจริญทางจิตใจกลับถดถอยลงคลอง
หากไม่โลกสวยจนเกินไป เชื่อว่าทุกคนย่อมเห็นเป็นจริงเช่นนั้น เพราะในขณะที่โลกก้าวล้ำสู่ยุควิวัฒนาการ และความเร่งรีบให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านเปลือกนอกต่าง ๆ กลับไปเบียดแย่งเวลาในการฝึกอบรมและปลูกฝังความดีงามของไทยที่เคยปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมา จนคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันหลงลืมและไม่รู้จักคำว่า “มารยาท” ไปเสียแล้ว ทำให้คนวิถีสังคมยุคใหม่รู้จักแต่การยึดตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้คำนึงความเหมาะสมหรือไม่ในการปฏิบัติต่อผู้อื่น โดยเฉพาะมารยาทการให้เกียรติผู้อื่น หรือแม้แต่การแสดงความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่
มารยาท คือ การมีกิริยาวาจาสุภาพและท่าทางอ่อนน้อม ประพฤติปฏิบัติตนถูกกาลเทศะ ส่วนมารยาทางสังคม คือ ข้อปฏิบัติและวินัยที่ดี ที่ควรยึดถือและประพฤติตนเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม หรือกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ เป็นข้อระเบียบและสิ่งที่ควรทำ หรือควรงดเว้น เมื่อออกจากบ้าน หรือเคหะสถานส่วนบุคคลของตน เพื่อเป็นการให้เกียรติ แสดงความเคารพ และช่วยให้สังคมมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยน่าอยู่ จากสามัญสำนึกของคนในสังคมนั่นเอง
มารยาทมีอะไรบ้าง
มารยาทสังคมมีทั่วโลก ไม่ได้มีแต่ในสังคมไทยเท่านั้น โดยคำว่ามารยาทภาษาอังกฤษใช้คำว่า Etiquette โดยในที่นี้เราขอนำเสนอมารยาทสังคมไทยอันดีงามที่เคยมีกันมา แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป การอยู่ร่วมกันของคนในสังคมเริ่มผิดเพี้ยน เพราะคนส่วนใหญ่ทำอะไรตามใจและความรู้สึกของตนเป็นหลัก กลายเป็นคนที่มีลักษณะขาดความสำนึกผิด ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้มากมายในสังคมปัจจุบัน แต่ยังไม่สาย หากเราจะหันกลับมาใส่ใจและร่วมกันพัฒนา พร้อมกับปลูกฝังมารยาทสังคมให้ลูกหลานและคนใกล้ชิดได้ยึดถือปฏิบัติต่อกัน โดยสาระสำคัญของมารยาทสังคมไทย มีดังนี้
การรู้จักวางตน
รู้จักที่จะมีความอดทน สงบเสงี่ยม ไม่แสดงความก้าวร้าวแก่ผู้อื่น อวดรู้ อวดฉลาด ไม่ตีเสมอผู้ใหญ่ในที่สาธารณชนแม้จะมีความสนิทสนมเพียงใดก็ตาม เพื่อเป็นการให้เกียรติต่อบุคคลได้อย่างถูกต้องตามกาลเทศะ
การรู้จักการพูดจา
ละเว้นการพูดจาทำให้บุคคลอื่นเกิดความอับอายในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการทักทาย หรือนำเรื่องส่วนตัวของบุคคลนั้นมาพูดในที่สาธารณะ เช่น การทักถึงรูปร่าง อ้วน ผิวดำ หน้ามีสิว รอยแผลเป็น พ่อแม่หย่าร้าง ตกงาน ฐานะล้มละลาย เป็นต้น รวมไปถึงการตะโกน ส่งเสียงหรือพูดจาเสียงดังจนเป็นที่รบกวนผู้อื่น
การรู้จักประมาณตน
การกระทำที่อยู่ในขอบเขตของตน ไม่ล่วงก้าวล้ำหรือไปวุ่นวายในธุระของผู้อื่น และไม่ทำกระทำการใด ๆ เพื่อสร้างจุดสนใจ หรือเรียกร้องให้คนอื่นสนใจมากเกินไป เพราะอาจสร้างความไม่พอใจให้คนอื่นโดยไม่รู้ตัว และอาจกลายเป็นภัยตามมาทีหลังได้
การรู้จักควบคุมอารมณ์
การควบคุมอารมณ์ คือ การรู้จักข่มความรู้สึกและจิตใจตนเอง ไม่ให้แสดงกิริยาที่ไม่ดี หรือวาทะก้าวร้าว ที่อาจทำให้เกิดปัญหาบานปลายและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ตลอดไปจนถึงการไม่ไปล่วงล้ำกระทำการใด ๆ ที่กระทบกับร่างกายโดยตรง โดยยังไม่ได้รับอนุญาต เช่น การกระชาก การดึง การทึ้ง ตบ ตี ไม่ว่าจะสร้างบาดแผลหรือไม่ก็ตาม หากเจ้าตัวไม่ได้อนุญาต นอกจากจะเป็นการเสียมารยาทแล้ว ยังถือว่าเป็นการคุกคาม หรือทำร้าย ซึ่งอาจนำไปใช้ในทางข้อกฏหมายได้ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการคำพูดที่ทำร้ายจิตใจผู้อื่น โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นปมด้อย หรือสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจอยู่ดั้งเดิม ซึ่งในปัจจุบันเราเรียกการกระทำเช่นนี้ว่า การบูลลี่ Bully นั่นเอง
การมีน้ำใจเอื้อเฟื้อ และช่วยเหลือต่อกัน
สังคมใดที่ผู้คนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักแบ่งปัน สังคมนั้นย่อมมีความสุข ด้วยความเอื้ออาทรต่อกันนั้น เพราะความมีน้ำใจต่อกัน และการช่วยเหลือผู้อื่น ย่อมสร้างรอยยิ้ม และความสุขใจให้เกิดขึ้น กลายเป็นสังคมที่น่าอยู่
การสำรวมกิริยาเมื่อเดินผ่านผู้ใหญ่
มารยาทไทยอันดีงาม คือ ผู้น้อยเมื่อเดินผ่านผู้ใหญ่จะก้มตัวแต่พองาม หรือเมื่อผู้ใหญ่เดินผ่านจะไม่วิ่งตัดหน้า เพื่อเป็นการแสดงถึงความเคารพและให้เกียรติต่อผู้ใหญ่กว่า ในขณะที่มารยาทสากลนั้นจะมีการแสดงกิริยาแตกต่างออกไป เช่น การลุกขึ้นยืนเมื่อผู้ใหญ่เดินผ่าน หรือการโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพ เป็นต้น ซึ่งเป็นการแสดงออกทางมารยาททางสังคมตามท้องถิ่น รวมไปถึงมารยาทสากลเช่นกัน
ต่อให้กาลเวลาวิ่งผ่านไปเร็วแค่ไหน แต่อย่าให้ใจของตนเสื่อมถอยจนสวนทางกับความเจริญทางวัตถุ ให้เปลือกนอกของสังคมและความดีงามภายในจิตใจของคนในสังคมเติบโตไปด้วยกัน เพราะบางอย่างอาจเป็นเพียงสิ่งเล็ก ๆ แต่ผลกระทบนั้นยิ่งใหญ่มหาศาล เหมือนกับบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการเสียมารยาทระหว่างบุคคล แต่มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับสังคม เปรียบเสมือน “น้ำผึ้งเพียงหยดเดียว”