dental-floss-and-cleaning-with-teeth-of-black-man-2025-01-02-20-45-25-utc (1)

เลือดออกตามเหงือกบ่งบอกว่าคุณเป็นอะไร?สาเหตุ ความเสี่ยงที่จะเกิด?

เลือดออกตามเหงือก มักเกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์และแบคทีเรียอาจเป็นสัญญาณของโรคเหงือก เช่น โรคเหงือกอักเสบ แต่ถ้ามีเลือดออกบ่อยหรือควรพบทันตแพทย์
Total
0
Shares

การเลือดออกตามเหงือกเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ แต่มักจะถูกมองข้ามหรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การเลือดออกที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่แฝงอยู่ โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพช่องปาก 

ในบทความนี้เราจะสำรวจสาเหตุหลัก 4 ประการที่ทำให้เกิดเลือดออกตามเหงือก อธิบายสิ่งที่อาการนี้อาจบ่งชี้ถึงเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการหยุดเลือดออก 

นอกจากนี้เราจะพูดถึงวิธีการรักษาการติดเชื้อที่เหงือกอย่างรวดเร็วและสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อเกิดปัญหากับเหงือก 

การทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเลือดออกตามเหงือกและการเรียนรู้วิธีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีขึ้นและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สาเหตุ 4 ประการของเลือดออกตามเหงือกและวิธี

การจัดการ

young-woman-with-toothache-having-appointment-at-d-2024-12-13-21-50-45-utc (1)

เลือดออกตามเหงือกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายคน แม้ว่าจะเป็นอาการที่ดูไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยไว้โดยไม่ให้ความสำคัญอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้น 

โรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพฟันและเหงือกในระยะยาว ดังนั้นการทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดออกตามเหงือกและวิธีการรักษาอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ในบทความนี้จะกล่าวถึงสาเหตุ 4 ประการที่ทำให้เกิดเลือดออกตามเหงือก, สิ่งที่เลือดออกตามเหงือกอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ, วิธีการหยุดเลือดออก, วิธีการรักษาการติดเชื้อที่เหงือกอย่างรวดเร็ว, และสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อมีการติดเชื้อที่เหงือก

สาเหตุ 4 ประการของเลือดออกตามเหงือก

โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis)

โรคเหงือกอักเสบเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของเลือดออกตามเหงือก โดยปกติแล้วจะเกิดจากการสะสมของคราบพลัค (Plaque) บนฟัน ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย 

เมื่อคราบพลัคสะสมมากเกินไปจะทำให้เหงือกเกิดการอักเสบและบวม เหงือกที่บวมจะมีแนวโน้มที่จะเลือดออกได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน โรคเหงือกอักเสบสามารถรักษาได้ง่ายถ้าทำการรักษาอย่างทันเวลา เช่น การทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้อง

โรคปริทันต์ (Periodontitis)

หากโรคเหงือกอักเสบไม่ได้รับการรักษา อาจพัฒนาไปสู่โรคปริทันต์ ซึ่งเป็นโรคเหงือกในระยะที่รุนแรงกว่า โรคปริทันต์เกิดจากการสะสมของคราบพลัคและหินปูนที่ไม่ได้รับการกำจัด และสามารถทำให้

เหงือกและกระดูกที่รองรับฟันเกิดการทำลาย เมื่อกระดูกและเนื้อเยื่อที่รองรับฟันได้รับความเสียหาย อาจทำให้ฟันหลวมและหลุดได้ โรคนี้ทำให้เหงือกเลือดออกได้ง่ายและมีอาการบวม แดง และมีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์

การขาดวิตามิน C (Scurvy)

การขาดวิตามิน C เป็นสาเหตุที่สามารถทำให้เกิดการเลือดออกตามเหงือกได้ เนื่องจากวิตามิน C เป็นสารที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจน 

ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนื้อเยื่อในร่างกาย รวมถึงเหงือก เมื่อขาดวิตามิน C เหงือกจะมีความอ่อนแอและมีแนวโน้มที่จะเลือดออกได้ง่าย โรคที่เกิดจากการขาดวิตามิน C 

เรียกว่า “โรคเลือดออกตามไรฟัน” ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการเพิ่มการบริโภคอาหารที่มีวิตามิน C เช่น ผลไม้ตระกูลส้ม, สตรอว์เบอร์รี, และผักใบเขียว

การใช้ยาบางชนิด

การใช้ยาในบางประเภทอาจทำให้เหงือกมีแนวโน้มเลือดออกได้ง่าย โดยเฉพาะยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants) เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) 

หรือยารักษาความดันโลหิตสูงบางชนิด การใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนบางชนิดก็สามารถทำให้เลือดออกตามเหงือกได้เช่นกัน ผู้ที่ใช้ยาเหล่านี้ควรเฝ้าระวังอาการเลือดออกและควรปรึกษาแพทย์หากมีปัญหา

เลือดออกตามเหงือกเป็นอาการของอะไร?

flat-lay-pills-on-blue-background-vitamin-c-conc-2023-11-27-05-19-04-utc (1)

เลือดออกตามเหงือกอาจเป็นอาการของโรคหรือภาวะอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับช่องปากโดยตรง ตัวอย่างเช่น:

  • โรคเบาหวาน: ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาทางช่องปากมากขึ้น เช่น โรคเหงือกอักเสบ เพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก
  • ภาวะขาดวิตามิน C: การขาดวิตามิน C ทำให้เหงือกไม่แข็งแรงและเลือดออกได้ง่าย
  • การตั้งครรภ์: ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์อาจมีอาการเลือดออกตามเหงือกเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายที่ทำให้เหงือกไวต่อการอักเสบ
  • โรคเลือดออกง่าย: สภาวะทางการแพทย์บางอย่าง เช่น โรคเลือดออกง่าย (Hemophilia) อาจทำให้เลือดออกตามเหงือกได้ง่าย

ฉันจะหยุดเลือดออกตามเหงือกได้อย่างไร?

หากเลือดออกตามเหงือกเกิดจากโรคเหงือกอักเสบ หรือปัญหาช่องปากอื่น ๆ การรักษาที่ถูกต้องจะช่วยหยุดการเลือดออกได้ วิธีการที่สามารถช่วยได้ ได้แก่:

  1. แปรงฟันอย่างถูกต้อง: ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนและแปรงฟันเบา ๆ อย่างน้อยวันละสองครั้ง
  2. ใช้ไหมขัดฟัน: ใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบพลัคที่อยู่ระหว่างฟัน
  3. ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์: ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ช่วยป้องกันฟันผุและลดการสะสมของคราบพลัค
  4. เยี่ยมชมทันตแพทย์: หากเลือดออกไม่หายไปหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปหาหมอฟันเพื่อการรักษาที่เหมาะสม

วิธีที่เร็วที่สุดในการรักษาอาการติดเชื้อที่เหงือกคืออะไร?

young-beautiful-woman-undergoes-tooth-filling-in-d-2025-03-08-17-33-49-utc (1)

การติดเชื้อที่เหงือกอาจทำให้เกิดการอักเสบและเลือดออก ดังนั้นการรักษาการติดเชื้ออย่างรวดเร็วจึงสำคัญ วิธีที่สามารถรักษาการติดเชื้อที่เหงือกได้เร็วที่สุด ได้แก่:

  • การทำความสะอาดช่องปากอย่างล้ำลึก: ทันตแพทย์สามารถขจัดคราบพลัคและหินปูนที่สะสมในช่องปาก ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แบคทีเรียและแมงกินฟัน (ฟันผุ) ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบในเหงือก การขจัดคราบพลัคและหินปูนช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและป้องกันโรคเหงือกและฟันผุที่อาจทำให้เลือดออกตามเหงือกได้.
  • การใช้ยาปฏิชีวนะ: หากการติดเชื้อรุนแรง ทันตแพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าแบคทีเรีย
  • การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารต้านแบคทีเรีย: การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารต้านแบคทีเรียช่วยลดการติดเชื้อและอักเสบ
  • การดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอ: การทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำเป็นวิธีป้องกันไม่ให้การติดเชื้อเกิดขึ้นอีก

สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อมีการติดเชื้อที่เหงือก

เมื่อมีการติดเชื้อที่เหงือก, การดูแลช่องปากอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง การหลีกเลี่ยงสิ่งที่อาจทำให้เหงือกบาดเจ็บหรือการติดเชื้อรุนแรงขึ้นเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น, นี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อมีการติดเชื้อที่เหงือก

ไม่ควรแปรงฟันแรงเกินไป

การแปรงฟันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสะอาดช่องปาก แต่การแปรงฟันแรงเกินไปอาจทำให้เหงือกบาดเจ็บและทำให้เลือดออกได้ง่าย เหงือกที่ติดเชื้อมักจะบวมและอ่อนแอมากขึ้นเมื่อเทียบกับเหงือกปกติ การแปรงฟันที่แรงเกินไปอาจทำให้เส้นเลือดในเหงือกฉีกขาด 

ทำให้เลือดออกได้ง่าย ดังนั้น, ควรแปรงฟันอย่างเบามือ ใช้แปรงสีฟันขนอ่อน และหลีกเลี่ยงการแปรงแรงเกินไป การแปรงฟันอย่างถูกต้องจะช่วยป้องกันการสะสมของคราบพลัคและแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อที่เหงือก

girl-s-hand-applies-toothpaste-to-brush-2024-03-05-15-28-15-utc (1)

หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่รุนแรง

ยาสีฟันที่มีสารกัดกร่อนหรือความรุนแรงสูงอาจทำให้เหงือกที่อักเสบอยู่แล้วยิ่งบาดเจ็บและระคายเคืองมากขึ้น ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนและเหมาะสม

การรักษาโรคเหงือก เช่น ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์หรือสารต้านการอักเสบที่ช่วยลดการระคายเคือง การใช้ยาสีฟันที่รุนแรงอาจทำให้การติดเชื้อที่เหงือกยิ่งแย่ลง ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีสารเคมีหรือสารที่มีฤทธิ์รุนแรง

อย่าใช้เครื่องมือทำความสะอาดฟันที่มีคม

การใช้เครื่องมือทำความสะอาดฟันที่มีคม เช่น หวีเหล็กหรือเครื่องมือขัดฟันที่มีขอบคม อาจทำให้เหงือกที่อักเสบอยู่แล้วบาดเจ็บและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

การใช้อุปกรณ์ที่คมอาจทำให้เหงือกเกิดแผลหรือการบาดเจ็บที่อาจลุกลามเป็นแผลเรื้อรัง ควรใช้เครื่องมือทำความสะอาดฟันที่มีขนอ่อนและปลอดภัยสำหรับการใช้งานที่เหงือกที่มีการอักเสบ หรือใช้ไหมขัดฟันที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดระหว่างฟัน

อย่าอดอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

การใช้เครื่องมือทำความสะอาดฟันที่มีคม เช่น หวีเหล็กหรือเครื่องมือขัดฟันที่มีขอบคม อาจทำให้เหงือกที่อักเสบอยู่แล้วบาดเจ็บและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

การใช้อุปกรณ์ที่คมอาจทำให้เหงือกเกิดแผลหรือการบาดเจ็บที่อาจลุกลามเป็นแผลเรื้อรัง ควรใช้เครื่องมือทำความสะอาดฟันที่มีขนอ่อนและปลอดภัยสำหรับการใช้งานที่เหงือกที่มีการอักเสบ หรือใช้ไหมขัดฟันที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดระหว่างฟัน

สรุป

เลือดออกตามเหงือกอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพช่องปากหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ควรให้ความสำคัญ หากเลือดออกเกิดขึ้นบ่อยครั้งหรือรุนแรง ควรไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม 

การรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยหยุดเลือดออกและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคเหงือกหรือการติดเชื้อ การดูแลช่องปากอย่างถูกต้องและการรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้สุขภาพเหงือกและฟันดีขึ้น ลดความเสี่ยงจากโรคอื่น ๆ 

ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว การไม่ปล่อยให้ปัญหานี้ค้างคาอาจช่วยป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรงขึ้นในอนาคต เช่น การสูญเสียฟัน หรือการแพร่กระจายของการติดเชื้อที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม.

 

You May Also Like

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้างดน้ำตาล 14 วัน

โดยปกติร่างกายต้องการน้ำตาลเพียง 24 กรัม / วัน เท่านั้น หรือประมาณ 4-6 ช้อนชา (เทียบเท่าน้ำผลไม้ประมาณ 200 มิลลิลิตร) แต่ถ้าได้รับปริมาณที่มากไป จะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และประสิทธิภาพในการผลิตฮอร์โมนอินซูลินลดลง น้ำตาลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท  น้ำตาลธรรมชาติ ที่ได้จากผัก ผลไม้ต่างๆ (ฟรุกโตส) และน้ำตาลในนม (แล็กโทส) น้ำตาลสังเคราะห์ หรือน้ำตาลที่ปรุงแต่ง เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม…
View Post

รู้จักไซโคพาธ โรคขาดความสำนึกผิด

ไซโคพาธ (Psychopaths) โรคขาดความสำนึกผิด เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มุ่งเน้นแต่เป้าหมายของตนเอง และทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น โดยไม่สนแม้จะต้องทำร้ายใคร หรือจะมีผลกระทบกับใครบ้าง Psychopaths หรือ ไซโคพาธ แปลว่า คนโรคจิต  และถ้าจะให้ความหมายคำว่า โรคจิต แปลว่า โรคทางจิตใจที่มีความผิดปกติของความรู้สึก ความคิด อารมณ์ หรือโรคจิตพฤติกรรมรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมสติได้ (ความหมายจาก พจนานุกรมไทยราชบัณฑิตยสถาน ) เช่น ประสาทหลอน วิกลจริต หลงผิด (โรคจิต ภาษาอังกฤษ psychosis…
View Post

โยคะคนท้อง กายบริหารที่ช่วยให้คุณแม่แข็งแรงและคลอดง่าย

“โยคะ“ (YOGA) ศาสตร์แห่งการผนวก ร่างกาย จิตใจ และ วิญญาณ หลอมรวมกันอย่างสมดุล เป็นการฝึกกายบริการ ควบคู่ไปกับการฝึกหายใจ และกระบวนการความคิด ให้จดจ่อกับลมหายใจเข้า-ออก ก่อให้เกิดสมาธิ สามารถทำความเข้าใจถึงระบบร่างกายและความเป็นตัวตน โยคะสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย และทุกที่โดยไม่จำกัด เพราะโยคะเป็นการออกกำลังกาย ที่ใช้พื้นที่ไม่มาก และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานที่ที่ต้องการ นอกจากนั้น โยคะ เป็นกายบริหารที่ช่วยยืดเส้นภายในร่างกายได้เป็นอย่างดี เป็นกีฬาที่นุ่มนวล แก้อาการออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดี ซึ่งคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ก็สามารถเล่นท่าโยคะได้ โดยไม่มีอันตราย โยคะสำหรับคนท้องในปัจจุบัน ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีท่าโยคะคนท้อง ที่สามารถเล่นได้โดยไม่มีอันตรายต่อแม่และเด็กในท้อง…
View Post

คู่อาหารอันตราย: อาหารที่ไม่ควรกินคู่กัน มีอะไรบ้าง?

คำถามที่ขึ้นต้นหัวข้อนี้ เริ่มมาจากมีญาติได้แชร์ไวรัล อาหารคู่มรณะ มาให้อ่าน ทำให้ต้องมาหาข้อมูลว่าจริงหรือไม่ กินอาหารเหล่านั้นด้วยกัน แล้วจะอันตรายถึงชีวิตได้อย่างไร
View Post

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรากินเร็วเกินไป 

นิสัยกินเร็ว กินไว กินข้าวกับเพื่อนทีไร เพื่อนต้องยกธงยอมแพ้ ใช่คุณหรือเปล่า? รู้ไหมว่า การกินเร็วเกินไปส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และอาจทำให้คุณกำลังเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ ตามมาได้    ร่างกายมีกลไกลการรับรู้ความอิ่ม  ร่างกายของคนเราจะมีกลไกในการรับรู้ความอิ่ม เพื่อให้ร่างกายรับอาหารในปริมาณที่เหมาะสม โดยขณะที่เรากินอาหาร สมองจะได้รับสัญญาณจากกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งกว่าสมองจะสั่งการให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม ต้องใช้เวลานานกว่า 20 นาที ดังนั้น เมื่อคนกินเร็วเกินไป ทำให้สมองสั่งการให้ร่างกายรู้สึกอิ่มไม่ทัน จึงทำให้คนกินเร็วยังรู้สึกว่าไม่อิ่ม จึงกินต่อไปเรื่อย ๆ กลายเป็นกินอาหารในปริมาณที่มากเกินไปในที่สุด และยังก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาอีกด่วย …
View Post

เทศกาลกินเจ 2565 ตรงกับวันไหน และกินเจกับมังสวิรัติต่างกันอย่างไร

ใกล้ถึงเทศกาลกินเจ เทศกาลบุญใหญ่ประจำปีอีกแล้ว โดยเทศกาลกินเจ ปี 2565 ตรงกับวันที่ 26 ต.ค. – 4 ต.ค.65 ซึ่งเทศกาลกินเจประวัติมีมานาน ตั้งแต่ 400 ปีที่แล้ว เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 โดยคำว่า “เจ” เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึง การรักษาศีล 8 และการละเว้นการกินเนื้อสัตว์ เพื่อถวายเป็นกุศลแก่ราชาธิราชทั้ง 9 พระองค์…
View Post