ช่วงนี้สภาพอากาศในไทย เป็นช่วงที่ฝนตกแทบทุกวัน ตกไม่เลือกเวลา บางครั้งก็ตกหนักจนน้ำท่วม บางเวลาก็ตกเล็กตกน้อย พอหยุมหยิมก็ยังจะตก ซ้ำเติมสภาพการจราจรที่แย่อยู่แล้ว ให้แย่หนักกว่าเดิมเข้าไปอีก เอากับเขาสิ
ชื่อว่าทุกคนที่ใช้การสัญจรบนท้องถนน ไม่มีใครที่ไม่เบื่อหน่ายกับการเดินทางในสภาพอากาศช่วงนี้ ฉะนั้น ผู้ขับขี่รถทั้งหลาย ก็ควรจะมีน้ำใจ และอย่าทำในสิ่งที่ ผู้ใช้ถนนร่วมกันไม่ควรทำ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ถนนของตนเองและผู้อื่น ทั้งจากอุบัติเหตุ หรือแม้แต่จากคนที่สัญจรร่วมถนน ที่มักจะเกิดการหัวร้อนง่าย วิวาท ทำร้าย จนเป็นข่าวที่ได้ยินกันแทบทุกวัน 5 ไม่ ที่ว่านี้ มีอะไรบ้างนะ
- ไม่ขับรถด้วยความเร็ว
ช่วงฝนตก ๆ แบบนี้ ถนนลื่น ทำให้รถเสียหลักได้ง่าย ยิ่งขับรถด้วยความเร็วมากเท่าไร ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และถ้าล้อยางเสื่อมสภาพ ล้อลื่น ดอกยางไม่เกาะถนนเท่าที่ควร ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุขึ้นไปอีก
- ไม่เปิดไฟฉุกเฉิน
แม้ว่าในช่วงเวลาที่ฝนตก อาจทำให้ทัศนวิสัยแย่ มองอะไรไม่ค่อยชัดนัก แต่ก็ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน แม้ว่าจะต้องการให้เพื่อนร่วมทางได้สังเกตเห็นรถของคุณ แต่การกระพริบของไฟฉุกเฉินอาจจะยิ่งทำให้ สถานการณ์มันแย่กว่าที่ควรจะเป็น เพราะลองคิดกลับกันดูว่า ทั้งเม็ดฝนและคราบฝนที่เกาะกระจกรอบด้าน ยางปัดน้ำฝนที่กำลังแกว่งไปมา แล้วยังต้องมาเจอกับแสงไฟกระพริบอีก อาจทำให้คนที่ขับรถตามหลังตาลาย และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับขี่ จนอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นควรที่จะเปิดไฟหน้า และอาจเสริมด้วยไฟตัดหมอก หากฝนตกหนัก หรือสภาพสิ่งแวดล้อมทำให้ทัศนวิสัยการมองเห็นเป็นอันตรายต่อการขับรถ
- เว้นระยะห่าง ไม่ขับชิดคันหน้าเกินไป
เพราะเมื่ออยู่บนท้องถนน ไม่มีใครสามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ จึงอาจเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดได้เสมอ รวมไปถึงสิ่งกีดขวาง ที่อาจทำให้ต้องเบรกกระทันหัน และการเบรกบนถนนเปียกนั้น ต้องใช้ระยะเบรกยาวกว่าปกติ เทียบเป็นระยะช่วงรถประมาณ 3 – 4 คัน จึงควรเว้นระยะห่างไว้เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ หากจำเป็นต้องมีการเบรกอย่างกระชั้นชิด
- ไม่หักพวงมาลัยรุนแรง
กรณีที่ขับอยู่บนทางด่วน หรือขับออกต่างจังหวัด เพื่อออกไปท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติในวันหยุด หรือแม้จะขับในช่วงที่ถนนโล่งก็ตาม แล้วใช้ความเร็วสูงขณะขับขี่ จะต้องมีสติอยู่เสมอขณะที่จับพวงมาลัย เพราะเมื่อต้องหักหลบสี่งกีดขวางอย่างกระทันหันที่ความเร็วสูงนั้น จะส่งผลให้รถเสียหลักได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในขณะที่วิ่งบนถนนเปียก ที่มีความลื่นเป็นทุนอยู่แล้ว ทางที่ดี ควรใช้ความเร็วแต่พอเหมาะ และเว่นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เผื่อกรณีที่เจอสิ่งกีดขวาง หรือต้องแตะเบรกกระทันหัน จะได้มีความปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
- ไม่ลุยน้ำลึกโดยไม่จำเป็น
บางพื้นที่ฝนตกจนมีน้ำท่วมขังบนถนน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากขับรถลุยน้ำ แต่บางครั้งก็จำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจลุยน้ำ ควรกะความลึกของน้ำท่วมเสียก่อน เลือกขับในเลนที่มีปริมาณน้ำตื้นที่สุด ซี่งส่วนใหญ่บริเวณริมขอบฟุตบาทมักจะมีน้ำลึกกว่าตรงกลาง แต่ผู้ขับขี่ก็สามารถขับเลื่อนสลับไปมาได้ตามความเหมาะสม และควรลดความเร็วลง ใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำถูดดูดเข้าไปยังเครื่องยนต์ จนสร้างความเสียหาย และนั่นอาจทำให้ต้องเสียค่าซ่อมแซมในจำนวนไม่น้อยเลย
นอกจาก 5 ข้อที่ไม่ควรทำ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ก็ยังมีสิ่งที่ควรทำ คือ การดูแลรักษาสภาพรถ คอยตรวจเช็คระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก สภาพยางรถยนต์ ที่ปัดน้ำฝน แบตเตอรี่ เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งาน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการขับขี่รถขณะฝนตกให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น